SEO (Search Engine Optimization) คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้อยู่ในอันดับผลการค้นหาที่ดีของ Google (การทำให้เว็บติดอันดับที่ดีของผลการค้นหา)
SERP (Search engine results page) คือ หน้าที่แสดงผลของการค้นหาเว็บไซต์ ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword
Snippet คือ ข้อความแสดงรายละเอียดโดยย่อของแต่ละเว็บเพ็จ
ประโยชน์ของ SEO คือ ถ้าเว็บไซต์ของเราถูกจัดอันดับให้แสดงอยู่ในอันดับแรกๆ ของผลการค้นหา ก็จะทำให้ผู้เข้าชมนั้นคลิกเข้ามาสู่เว็บไซต์ของเราก่อน จึงทำให้มีโอกาส ที่เราจะเปลี่ยนให้ผู้เข้าชมเหล่านั้น ให้กลายมาเป็นลูกค้าของเราได้มากขึ้น ในแง่ของการขายสินค้าออนไลน์
และเนื่องจาก ผู้เข้าชมเหล่านั้น มักจะเป็นคนที่มีความสนใจในสินค้าของเราอยู่แล้ว ก็แสดงว่า เขาต้องมีความต้องการสินค้านั้นๆอยู่แล้ว เป็นต้น
และอีกอย่าง การทำ SEO นั้น จะช่วยเพิ่ม Traffic เข้ามาสู่เว็บไซต์ของเราเรื่อยๆ ดังนั้น เมือมีคนมาเข้าที่เว็บไซต์เรามาก นั่นหมายความว่า Google นั้นมองว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพ แล้วก็จะทำการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่สูงๆได้
SEO เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ของเราให้ถูกจัดอันดับโดยวิธีการที่เป็น ธรรมชาติ ส่วน Google Adwords จะเป็นการจ่ายเงินเป็นค่าโฆษณาให้กับ Google เพื่อซื้อพื้นที่ในการจัดอันดับผลการค้นหา
เปรียบเทียบ | SEO | Adwords |
---|---|---|
การจ่ายเงินเพื่อแสดงเว็บไซต์ | ไม่ต้องจ่าย | ต้องจ่าย |
ระยะเวลาในการติดหน้าแรก | ใช้เวลานาน | จ่ายเงินแล้วติดเลย |
ระดับความยาก | ยาก | ง่าย |
ความน่าเชื่อถือของผู้ชม | เชื่อถือผลการค้นหา | ผู้ชม ไม่ชอบคลิกที่โฆษณา |
กลุ่มเป้าหมาย | ตรงกลุ่ม | ตรงกลุ่ม |
ช่วยเพิ่ม Traffic ได้เป็นจำนวนมาก : ส่งผลให้มีจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้เป็นจำนวนมาก
ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ : สามารถที่จะทำได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย : ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพราะเขาค้นหาจาก Keyword ที่เขามีความต้องการสินค้านั้นๆอยู่แล้ว
สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี : เว็บไซต์ที่แสดงผลการค้นหาในอันดับต้นๆ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี
ช่วยให้เว็บไซต์เรา เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น : ทำให้ผู้ใช้รู้จักเว็บไซต์ของเรามากขึ้น โดยที่ไม่ต้องเสียเงินในการโปรโมทสินค้าเลย
ในการทำ SEO เราจำเป็นต้องมัีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้ทันกับเทรนด์การอับเดตอัลกอริธึมของ Google ด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แก่นของการทำ SEO จะเน้นไปที่การทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และมีประโยชน์ในการนำเสนอเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword ของผู้ค้นหาให้มากที่สุด
1. Social Media : เราควรจะมี Social Media เพื่อช่วยทำ SEO เช่น อย่างน้อยก็ควรจะมี Facebook Fanpage เอาไว้สำหรับเป็นช่องทางในการสื่อสารกับผู้ชม เป็นต้น
2. Mobile Friendly : เนื่องจากปัจจุบัน และอนาคต มีการใช้อินเตอร์เน็ตบน Smartphone จึงทำให้ Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับโทรศัพท์มือถือ (Mobile-Friendly) มากยิ่งขึ้น
3. เว็บไซต์จะต้องมีประโยชน์ต่อผู้ใช้ : เว็บไซต์ที่เรานำเสนอนั้น จะต้องมีคุณค่ากับผู้ชมทั้งหลาย เนื้อหาจะต้องตรงกับความต้องการของผู้ชมให้มากที่สุด จึงจะทำให้ Google มองว่า เว็บไซต์ของเรานั้นเป็นเว็บไซต์ที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน เป็นต้น
เนื่องจาก อัลกอริธึมของ Google มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เราจึ้งจำเป็นต้องเขียนบทความที่เป็นประโยชน์ด้วย
ไต่เก็บข้อมูล (Crawl) : การทำงานของ Google เริ่มจากส่ง Googlebot วิ่งไปตามเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อไต่เก็บข้อมูลในแต่ละเว็บไซต์และดูว่าเนื้อหาของเว็บไซต์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับอะไร และมี Keyword ใดบ้างในเว็บ โดยวิ่งไปตามลิงค์ที่แต่ละเว็บไซต์ใช้เพื่อเชื่อมโยงหากัน
ทำเป็นดัชนีบันทึกเก็บไว้ (Indexing) : หลังจากไต่เก็บข้อมูลมาแล้ว ก็เอาข้อมูลที่ได้มานั้น กลับมาทำเป็นดัชนีเก็บเอาไว้ในฐานข้อมูลของ Google และประมวลผลข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลนี้
จัดอันดับและแสดงผลการค้นหา (Ranking) : หลังจาก Google ทำดัชนีเสร็จแล้ว เมื่อมีผู้ค้นหาเข้ามาค้นหาใน Google โดยใช้ Keyword ในการค้น Google ก็จะทำการเลือกเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword นั้นๆให้มากที่สุดจากฐานข้อมูลของมันเอง แล้วก็จะทำการแสดงผลการค้นหาเหล่านั้นออกมาในหน้า SERP
จุดประสงค์หลักของ Google ก็คือ ผลการค้นหาจะต้องเป็นเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยข้องกับ Keyword ของงผู้ค้นหามากที่สุด ปรับแต่งยังไงก็ได้ หรือทำยังไงก็ได้ให้เนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน และบอทมากที่สุด
SEO On-Page : เป็นการปรับแต่งส่วนต่างๆภายในเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้ส่งผลต่อการจัดอันดับที่ดีใน Google
SEO Off-Page : คือการปรับแต่งและใช้องค์ประกอบจากภายนอกเข้ามาช่วยในการส่งเสริมเว็บไซต์ของเราให้ติดอันดับผลการค้นหาที่ดี เช่น การทำ Backlink การโปรโมทเว็บ การใช้ Social Media เข้ามาช่วย เป็นต้น
แผนการที่ดีจะทำให้การทำงานของ SEO ของเราเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้
1.การำกำหนดกลุ่มผู้ใช้งาน : ขั้นตอนแรกคือ การทำความรู้จักกับเว็บไซต์ของตัวเองให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อนว่า ใคร คือกลุ่มเป้าหมายของเรา
2.คัดเลือก Keyword ที่มีคุณภาพ : เราจำเป็นต้องรู้ว่า กลุ่มเป้าหมายของเราเขามีความสนใจอะไร และใช้ Keyword อะไรในการค้นหาในเว็บไซต์
การคัดเลือก Keyword ที่มีคุณภาพ จะช่วยให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสที่จะนำพา Traffic จำนวนมากเข้ามาสู่เว็บไซต์และเป็น Traffic จากกลุ่มเป้าหมายของเราอีกด้วย
3.เมื่อได้ Keyword ที่ต้องการมาแล้ว ก็เร่ิมทำ SEO On-Page กัน
3.1ปรับแต่ง Meta Tag ในแต่ละหน้าเพจ
การปรับแต่ง Meta Tag จะเป็นการช่วยบอกให้ Crawlers ที่เข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ของเรารู้ว่าเนื้อหาที่อยู่ภายในเพจแต่หละหน้านั้นเกี่ยวข้องกับ Keyword อะไร
3.2เขียนเนื้อหาในเว็บไซต์ให้ส่งผลต่อ SEO
เนื้อหาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำ SEO On-Page และเป็นจุดที่ Google ให้น้ำหนักมากที่สุดในการจัดอันดับผลการค้นหาในหน้า SERP เนื้อหาในแต่ละหน้าเพจจะถูก Crawlers เก็บข้อมูลอย่างละเอียดและทำความเข้าใจว่าเนื้อหานั้นเกี่ยวข้องกับ Keyword คำใดบ้าง
3.3 ปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์
การปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์ เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับ Crawlers วิ่งเข้ามาไต่เก็บข้อมูลภายในเว็บไซต์ของเราได้ง่าย โดยไม่เกิดการติดขัดใดๆ ถ้าโครงสร้างของเว็บไซต์ไม่ดี Craw ก็จะหลงทางและอาจหาสิ่งใดไม่เจอ นอกจากนี้แล้ว การมีโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี จะส่งผลให้เว็บไซต์นั้นมีประสิทธิภาพที่ดีตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ความเร็ว การค้นหาสิ่งที่ต้องการได้สะดวก เว็บไซต์ไม่มีความซับซ้อนจนเกินไป
ขั้นตอนของการทำ Off-Page คือ การปรับแต่งองค์ประกอบภายนอกเว็บไซต์ ดังนี้
การวางแผนที่ดี จะนำไปสู่กระบวนการทำงานที่เกิดประสิทธิภาพ การทำ SEO ก็เช่นเดียวกัน
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถรู้ได้เลย ว่าผู้ใช้งานเหล่านั้นจะใช้ Keyword อะไรในการค้นหาที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรา ฉะนั้นแล้ว เราจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือในการค้นหา Keyword เข้ามาช่วย และเครื่องมือที่คนทำ SEO นิยมมากทีสุดคือ Keyword Planner เนื่องจากฟรี และใช้งานได้ง่าย
# ครื่องมือสำหรับทำ SEO (All Pack)
https://smallseotools.com/
# เครื่องมือตรวจสอบ Backlink
https://smallseotools.com/backlink-checker/
# เครื่องมือตรวจสอบ Link เสีย
http://www.brokenlinkcheck.com/
https://www.deadlinkchecker.com/
https://validator.w3.org/checklink
https://www.drlinkcheck.com/
http://www.visible.net/tools/analyzer/ //เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ Recomments
http://neilpatel.com/seo-analyzer/ //เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ Recomments
https://varvy.com///เครื่องมือตรวจสอบเว็บไซต์อย่างละเอียด
https://www.dareboost.com/en/home //เครื่องมือทดสอบประสิทธิภาพของเว็บไซต์
http://www.seoptimer.com/ //เครื่องมือวัดประสิทธิภาพ SEO
https://www.xml-sitemaps.com //เครื่องมือสร้าง Sitemaps
เครื่องมือ ทดสอบความเข้ากันได้บนอุปกรณ์มือถือ
ทดสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ
โปรแกรมช่วยมาร์คอับข้อมูลที่มีโครงสร้าง
https://adwords.google.com/home/tools/keyword-planner/ //เครื่อมือค้นหา Keywords
HTML Validate ตรวสอบความถูกต้อง HTML
http://www.minifier.org/ //CSS & JS Minifier // Recomment
http://minifycode.com/ // HTML>CSS>JS Minify &am; Beautyful Recomment
https://www.willpeavy.com/minifier/ //html minify
<?php $offset = 60 * 60 * 24 * 1; // 1 Day $ExpStr = "Expires: " . gmdate("D, d M Y H:i:s", time() + $offset) . " GMT"; header($ExpStr); header("Pragma: cache"); header("Cache-Control: must-revalidate"); ?>