sondmk header
LINUX UBUNTU
Ubuntu : Install - Uninstall phpMyAdmin

Post by Goborijung at 2020-03-27 11:35:23 | ID: 440

> Install
sudo apt-get update
sudo apt-get install phpmyadmin
sudo service apache2 restart 
ลองเข้าไปที่ http://localhost/phpmyadmin
ถ้าเข้าไม่ได้ ให้ทำดังนี้
sudo nano /etc/apache2/apache2.conf
เพิ่ม phpMyAdmin Configuration ไว้ที่บรรทัดล่างสุดของไฟล์ 
Include /etc/phpmyadmin/apache.conf

> Uninstall
sudo apt-get remove phpmyadmin
sudo apt-get purge phpmyadmin
sudo service apache2 restart 

Ubuntu : install Nmap

Post by Goborijung at 2020-03-26 19:25:08 | ID: 434

sudo apt-get update -y
sudo apt-get install nmap -y
nmap --version

> Use Nmap
Scan network for connected device(s)
nmap -sP 192.168.100.0/24

Ubuntu : Install Webserver

Post by Goborijung at 2020-03-27 08:23:03 | ID: 438

ติดตั้ง Web Server บน Ubuntu 16.04.4

1. ทำการอัปเดตซอฟต์แวร์ทั้งหมดของระบบ $ sudo apt-get update 2. ติดตั้ง Apache โดยให้พิมพ์คำสั่งตามนี้ $ sudo apt-get install apache2 //Check Apache Version : apache2 -v 3. จากนั้นให้ทำการติดตั้ง MySQL $ sudo apt-get install mysql-server mysql-client ตอนที่ติดตั้ง MySQL อยู่ จะมีหน้าจอขึ้นมาให้ตั้ง password 4. หลังจากติดตั้ง MySQL เสร็จแล้ว ให้ทำการติดตั้ง ภาษาที่ใช้สำหรับเขียนเว็บ(ในที่นี้คือภาษา PHP) $ sudo apt-get install php libapache2-mod-php เมื่อระบบติดตั้ง PHP เสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถติดตั้ง packet เสริมเพื่อให้ PHP สนับสนุนการทำงานส่วนประกอบอื่น ๆ ได้ โดยการพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้เพื่อดู packet เสริมของ PHP ทั้งหมด $ sudo apt-cache search php- เมื่อเจอส่วนเสริมที่ถูกใจ เพื่อน ๆ สามารถติดตั้งได้โดยการพิมพ์คำสั่ง $ sudo apt-get install ชื่อของส่วนเสริม 5.หลังจากติดตั้ง PHP เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ติดตั้ง phpMyAdmin ซึ่งเป็นตัวช่วยในการจัดการฐานข้อมูล โดยการพิมพ์คำสั่ง $ sudo apt-get install phpmyadmin ให้กด spacebar เลือกที่ apache2 เลือก <Yes> กำหนด password สำหรับ MySql 6.ทำการ restart apache ใหม่เพื่อความสมบูรณ์ในการทำงานด้วยคำสั่ง $ sudo service apache2 restart 7. ต่อไปจะเป็นการสร้างไฟล์ PHP แสดงรายละเอียดของ Server เพื่อดูผลการทดสอบ $ sudo nano /var/www/html/index.php แล้วเขียน phpinfo(); ลงไป <?php phpinfo(); ?>

ทดสอบ

1. ตรวจสอบ IP ของเครื่อง Server $ ip a s 2. เปิด Browser โดยใช้ IP ของเครื่อง Server

Ubuntu : service apache2 status (Check Apache Status is Running) Check Statu Apache

Post by Goborijung at 2021-04-28 10:19:13 | ID: 1145

// Check Status is Running

service apache2 status

// Restart Apache

service apache2 restart

Ubuntu : Set Virtual Host Webserver

Post by Goborijung at 2020-03-28 16:39:38 | ID: 445

https://graspingtech.com/apache-virtual-hosts-ubuntu/

Ubuntu : Show Document Root And Config Document Root

Post by Goborijung at 2020-03-28 16:44:27 | ID: 446

$ grep -R "DocumentRoot" /etc/apache2/sites-enabled

> การเปลี่ยน Document Root
$ nano /etc/apache2/sites-available/000-default.conf

ServerAdmin webmaster@localhost
#DocumentRoot /var/www/html
DocumentRoot /var/www/goborijung.com/public_html

> ดู Config Apache2
$ cat /etc/apache2/apache2.conf

Ubuntu : systemctl status mssql-server (คำสั่ง Check Status Mssql-Server , sqlserver)

Post by Goborijung at 2021-04-28 09:23:09 | ID: 1144

systemctl status mssql-server

Ubuntu : การติดตั้ง Webserver บน Ubuntu Full Content :: Recommend

Post by Goborijung at 2020-03-26 22:30:14 | ID: 435

ref: https://medium.com

ติดตั้ง Web Server บน Ubuntu 16.04.4

เรามาลองติดตั้ง Web server บน Ubuntu กันดีกว่าโดยผมจะใช้ Apache เป็น Server นะครับ 1. ทำการอัปเดตซอฟต์แวร์ทั้งหมดของระบบ $ sudo apt-get update 2. ติดตั้ง Apache โดยให้พิมพ์คำสั่งตามนี้ $ sudo apt-get install apache2 3. จากนั้นให้ทำการติดตั้ง MySQL $ sudo apt-get install mysql-server mysql-client ตอนที่ติดตั้ง MySQL อยู่ จะมีหน้าจอขึ้นมาให้ตั้ง password 4. หลังจากติดตั้ง MySQL เสร็จแล้ว ให้ทำการติดตั้ง ภาษาที่ใช้สำหรับเขียนเว็บ(ในที่นี้คือภาษา PHP) $ sudo apt-get install php libapache2-mod-php เมื่อระบบติดตั้ง PHP เสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถติดตั้ง packet เสริมเพื่อให้ PHP สนับสนุนการทำงานส่วนประกอบอื่น ๆ ได้ โดยการพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้เพื่อดู packet เสริมของ PHP ทั้งหมด $ sudo apt-cache search php- เมื่อเจอส่วนเสริมที่ถูกใจ เพื่อน ๆ สามารถติดตั้งได้โดยการพิมพ์คำสั่ง $ sudo apt-get install ชื่อของส่วนเสริม 5.หลังจากติดตั้ง PHP เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ติดตั้ง phpMyAdmin ซึ่งเป็นตัวช่วยในการจัดการฐานข้อมูล โดยการพิมพ์คำสั่ง $ sudo apt-get install phpmyadmin ให้กด spacebar เลือกที่ apache2 เลือก <Yes> กำหนด password สำหรับ MySql 6.ทำการ restart apache ใหม่เพื่อความสมบูรณ์ในการทำงานด้วยคำสั่ง $ sudo service apache2 restart 7. ต่อไปจะเป็นการสร้างไฟล์ PHP แสดงรายละเอียดของ Server เพื่อดูผลการทดสอบ $ sudo nano /var/www/html/index.php แล้วเขียน phpinfo(); ลงไป <?php phpinfo(); ?> ทดสอบ 1. ตรวจสอบ IP ของเครื่อง Server $ ip a s 2. เปิด Browser โดยใช้ IP ของเครื่อง Server

*** ปัญหาหลักที่เจอ

1. เข้าหน้า phpMyAdmin ไม่ได้ วิธีแก้คือ https://medium.com ติดตั้ง phpMyAdmin บน Ubuntu 14.04 #phpmyadmin ง่ายๆ ภายใน 3 ขั้นตอน เข้าไปที่ Terminal พิมพ์คำสั่ง 1. พิมพ์คำสั่งสำหรับติดตั้ง phpmyadmin sudo apt-get install phpmyadmin 2. ตามด้วยคำสั่งเพื่อ update source list sudo apt-get update 3. restart webserver สักรอบด้วยคำสั่ง sudo service apache2 restart เรียบร้อยครับ เข้าใช้งานผ่าน URL http://localhost/phpmyadmin http://ไอพีของเครื่อง/phpmyadmin

*** ถ้ายังไม่สามารถใช้งานไม่ได้

พิมพ์คำสั่ง เพื่อเข้าแก้ไขค่า config ของ webserver sudo nano /etc/apache2/apache2.conf เพิ่ม phpMyAdmin Configuration ไว้ที่บรรทัดล่างสุดของไฟล์ Include /etc/phpmyadmin/apache.conf

2. ใช้งาน FTP ไม่ได้ วิธีแก้คือ

Ref. https://medium.com การติดตั้งและใช้งาน FTP บน Ubuntu Server 18.04 FTP (File Transfer Protocol) คือ โพรโทคอลที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการรับส่งไฟล์ระหว่าง Client และ Server โดยจะมีพอร์ตที่ใช้งานอยู่ 2 พอร์ต คือ พอร์ต 20 ใช้ในการรับส่งไฟล์ ส่วนอีกพอร์ตคือ พอร์ต 21 ใช้ในการควบคุมหรือส่งคำสั่ง FTP เช่น ตรวจสอบการเข้าถึงโปรแกรมจากผู้ใช้งาน เป็นต้น

ขั้นตอนติดตั้งและใช้งาน ftp บน ubuntu 18.04

1.ติดตั้ง vsftpd $ sudo apt-get update $ sudo apt-get install vsftpd //Check vsftpf Version : vsftpd -v 2. สร้าง user สำหรับ รับ-ส่ง ไฟล์ username และตั้ง รหัสผ่าน $ sudo adduser ตามด้วยชื่อ 3. ทำการ restart ftp $ sudo systemctl restart vsftpd 4. เปิด บาวเซอร์ และเปิด IP SERVER ดังนี้ ftp//192.168.10.2 5. ใส่ username และ รหัสผ่าน จะได้ดังนี้ 6. ทำการสร้างไฟล์ เพื่อทำการส่ง cd /home/ftpuser5/ sudo touch testshare จะมีไฟล์ testshare เพิ่มเข้ามาดังนี้ 7. อนุญาตให้เปิดการใช้ service ftp และเปิดการใช้งาน service ftp sudo ufw allow ftp sudo systemctl enable ftp 8.ไปที่ client ลง โปรแกรม FileZilla FTP Client ทำการเชื่อมต่อ โดย Host ให้ใส่เลข ip server Username ใส่ user ที่ต้องการรับส่งไฟล์ password ใส่ password ที่ตั้งไว้ port ปกติจะ AUTO ไม่ต้องใส่ กด OK 9. เมื่อเชื่อมต่อเสร็จ สามารถรับส่งไฟล์ จาก server ไป client หรือ client ไป server ได้โดยการลากวางเลยทันที สำหรับการติดตั้งและใช้งาน ftp บน ubuntu 18.04 ก็มีเพียงเท่านี้ เจอกันบทความหน้าครับ

แก้ FTP ไม่ได้ วิธีที่ 2

Ref. https://blog.openlandscape.cloud/install-ftp-ubuntu/ ขั้นตอนการติดตั้ง Service FTP ใน Ubuntu ขั้นตอนการติดตั้ง Service FTP ใน Ubuntu มีขั้นตอนดังนี้ 1. อันดับแรกให้เริ่มทำการ update service ภายในเครื่อง โดยใช้คำสั่ง $ apt-get update 2. จากนั้นทำการติดตั้ง ftp (โดยทำการติดตั้งเปิด port 21 สำหรับ Service ftp) # apt-get install vsftpd 3. เมื่อติดตั้ง ftp เรียบร้อย จากนั้นทำการ add user และตั้ง password สำหรับ ftp $ adduser <ใส่ user ที่ลูกค้าต้องการตั้ง> เมื่อทำการสร้าง user เรียบร้อยสามารถใช้คำสั่งดู user จาก path /home 4. ทำการ config ในไฟล์ etc/vsftpd.conf $ vi /etc/vsftpd.conf เมื่ออยู่ในไฟล์ config จากนั้นให้ทำการแก้ไขดังนี้ และทำการเพิ่ม config เพื่อใช้ filezilla ในการ ftp 5. ทำการเพิ่มไฟล์ /etc/vsftpd.chroot_list เพื่อให้ user ที่ทำการสร้างสามารถใช้งาน ftp ได้ หลังจากนั้น เพิ่มชื่อ user ของ FTP ที่ทำการสร้างลงใน ไฟล์ vsftpd.chroot_list 6. เมื่อทำการ config เรียบร้อย จากนั้นให้ทำการ restart service ftp # systemctl restart vsftpd.service 7. ใช้โปรแกรม filezilla ในการโยนไฟล์เข้า instance โดยตั้งค่า File > Site Manager Host : ใส่ ip ของ instance Port : 21 User : ใส่ user ที่ได้สร้างไว้ใน instance จากนั้นทำการตั้งค่าในส่วน Transfer Settings เป็น Active และทำการ connect

Ubuntu : การตั้งค่าให้ Web Server มันเรียกไฟล์ .php ก่อนเป็นอันดับแรก

Post by Goborijung at 2020-03-28 13:15:47 | ID: 443

$ sudo nano /etc/apache2/mods-enabled/dir.conf

จัดการเปลี่ยนข้อมูล โดยให้ index.php มาอยู่หน้าสุดแบบนี้

<IfModule mod_dir.c>
    DirectoryIndex index.php index.html index.cgi index.pl index.xhtml index.htm
</IfModule>

Ubuntu : การสร้าง Mutiple Webserver on Ubuntu

Post by Goborijung at 2020-03-28 14:05:19 | ID: 444

Ref https://hostadvice.com/how-to/how-to-host-multiple-website-on-an-ubuntu-18-04-vps/
ในกรณีที่คุณไม่ได้ติดตั้ง apache คุณสามารถเรียกใช้คำสั่งด้านล่างบนเซิร์ฟเวอร์ Ubuntu 18.04 ของคุณ:
$ sudo apt-get install apache2
นอกจากนี้เราจะใช้ example.com และ test.com เป็นค่าโดเมนจำลองของเราและต่อมาเราจะแสดงวิธีแก้ไขไฟล์โฮสต์ในคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อทดสอบโฮสต์เสมือน

ขั้นตอนที่ 1: การสร้างโครงสร้างไฟล์ / ไดเรกทอรี
ก่อนอื่นเราจะต้องสร้างโครงสร้างไดเรกทอรีที่จะโฮสต์ข้อมูลเว็บไซต์ของเรา Apache มีไดเรกทอรีระดับบนสุดที่จะมองหาเว็บไซต์ภายใต้var / / wwwเส้นทาง เราจะต้องขยายสิ่งนี้และสร้างไดเรกทอรีย่อยสำหรับสองโดเมนของเรา
หากต้องการทำสิ่งนี้ให้เรียกใช้คำสั่งด้านล่างในหน้าต่างเทอร์มินัล:
$ sudo mkdir -p /var/www/test.com/public_html
$ sudo mkdir -p /var/www/example.com/public_html

ขั้นตอนที่ 2: การเปลี่ยนความเป็นเจ้าของไดเรกทอรี
ไดเรกทอรีที่เราสร้างด้านบนเป็นของผู้ใช้รูท ดังนั้นเราจำเป็นต้องเปลี่ยนความเป็นเจ้าของไดเรกทอรีเพื่อให้ผู้ใช้ปัจจุบันที่เข้าสู่ระบบสามารถแก้ไขไฟล์ เราจะใช้คำสั่งchownเพื่อทำสิ่งนี้ด้วยไวยากรณ์ด้านล่าง
$ sudo chown -R $ USER: $ USER /var/www/example.com/public_html
$ sudo chown -R $ USER: $ USER /var/www/test.com/public_html

ขั้นตอนที่ 3: ปรับเปลี่ยนการอนุญาตไฟล์
เราจำเป็นต้องให้สิทธิ์การอ่านเพื่อเข้าถึงสองไดเร็กทอรีที่เราสร้างไว้ด้านบน สิ่งนี้จะทำให้หน้าเว็บสาธารณะเข้าถึงได้และนี่หมายความว่าเว็บไซต์ทั้งสองของเราจะแสดงอย่างถูกต้องเมื่อเบราว์เซอร์ร้องขอ
ในการทำเช่นนี้เราใช้คำสั่งด้านล่าง:
$ sudo chmod -R 755 / var / www

ขั้นตอนที่ 4: สร้างเนื้อหาเว็บตัวอย่างสำหรับแต่ละโฮสต์ / โดเมนเสมือน
โครงสร้างไฟล์และไดเรกทอรีของเราได้รับการกำหนดค่าอย่างถูกต้องแล้ว ต่อไปเราจะสร้างไฟล์ index.html สำหรับแต่ละเว็บไซต์โดยใช้เครื่องมือแก้ไขนาโนโดยใช้คำสั่งด้านล่าง:
test.com
$ sudo nano /var/www/test.com/public_html/index.html
คัดลอกวางข้อความด้านล่างในเครื่องมือแก้ไขนาโน
<html >
<body>
นี่คือเว็บไซต์ test.com ของเรา
</ body>
</ html>

example.com
$ sudo nano /var/www/example.com/public_html/index.html
คัดลอกวางข้อความด้านล่างในเครื่องมือแก้ไขนาโน
<html >
<body>
นี่คือเว็บไซต์ example.com ของเรา
</ body>
</ html>

จำไว้ว่าให้ปิดและบันทึกแต่ละไฟล์เมื่อคุณทำแก้ไขโดยการกดCTR + XและY

ขั้นตอนที่ 5: สร้างไฟล์กำหนดค่าโฮสต์เสมือนสำหรับสองไซต์ของเรา
เมื่อมีการติดตั้ง Apache แรกบน Ubuntu 18.04 เซิร์ฟเวอร์จะสร้างไฟล์โฮสต์เสมือนเริ่มต้นบนเส้นทาง / etc / apache2 / ไซต์ใช้ได้ / 000-default.conf
เราจำเป็นต้องคัดลอกไฟล์นั้นและใช้เพื่อกำหนดค่า text.com และโฮสต์เสมือน example.com ของเรา หากต้องการทำสิ่งนี้ให้เรียกใช้คำสั่งด้านล่าง
$ sudo cp / etc / apache2 / sites-available / 000 -default.conf /etc/apache2/sites-available/test.com.conf
$ sudo cp / etc / apache2 / sites-available / 000 -default.conf /etc/apache2/sites-available/example.com.conf
ไฟล์การกำหนดค่า Apache ต้องลงท้ายด้วยนามสกุลไฟล์“ .config”
เมื่อคุณคัดลอกไฟล์แล้วให้เปิดไฟล์โฮสต์เสมือนแรกบนเครื่องมือแก้ไขนาโนเพื่อแก้ไขเนื้อหาโดยใช้คำสั่งด้านล่าง:
$ sudo nano /etc/apache2/sites-available/test.com.conf
จากนั้นเขียนทับค่าด้วยข้อความด้านล่าง:
<VirtualHost *:80>
    ServerAdmin admin@test.com
    ServerName test.com
    ServerAlias www.test.com
    DocumentRoot /var/www/test.com/public_html
    ErrorLog ${APACHE_LOG_DIR}/error.log
    CustomLog ${APACHE_LOG_DIR}/access.log combined
</VirtualHost>
ดังที่คุณเห็นด้านบนเราได้อ้างอิงไดเรกทอรี/var/www/test.com/public_htmlเพราะนี่คือที่ที่เราจะวางไฟล์ของเว็บไซต์ test.com ของเรา
เราต้องทำซ้ำขั้นตอนเดียวกันสำหรับโฮสต์เสมือน example.com ของเรา
$ sudo nano /etc/apache2/sites-available/example.com.conf
จากนั้นเขียนทับไฟล์ด้วยเนื้อหาด้านล่าง:
<VirtualHost *:80>
    ServerAdmin admin@example.com
    ServerName example.com
    ServerAlias www.example.com
    DocumentRoot /var/www/example.com/public_html
    ErrorLog ${APACHE_LOG_DIR}/error.log
    CustomLog ${APACHE_LOG_DIR}/access.log combined
</VirtualHost>

ขั้นตอนที่ 6: เปิดใช้งานโฮสต์เสมือนสองรายการ
เราสร้างไฟล์กำหนดค่าสองไฟล์สำหรับโฮสต์เสมือนของเรา ตอนนี้เราจำเป็นต้องเปิดใช้งานพวกเขาโดยใช้คำสั่งด้านล่าง:
$ sudo a2ensite test.com.conf
$ sudo a2ensite example.com.conf

ขั้นตอนที่ 7: รีสตาร์ท Apache เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล
เมื่อคุณเพิ่มโฮสต์เสมือนบนเซิร์ฟเวอร์ Ubuntu 18.04 ของคุณคุณจะต้องรีสตาร์ท apache โดยใช้คำสั่งด้านล่าง:
$ sudo service apache2 ทำการรีสตาร์ท

ขั้นตอนที่ 8: แก้ไขไฟล์โฮสต์ในคอมพิวเตอร์ของคุณ
โฮสต์เสมือนของคุณควรทำงานแล้ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากเราใช้ค่าตัวอย่างเพื่อการทดสอบเราจึงต้องแก้ไขไฟล์โฮสต์ในเครื่อง (ในเครื่องคอมพิวเตอร์) ไม่ใช่เซิร์ฟเวอร์ VPS
สิ่งนี้จะทำให้คอมพิวเตอร์ภายในเครื่องของเราสามารถแก้ไขที่อยู่ IP สาธารณะที่ถูกต้องของเซิร์ฟเวอร์ Ubuntu 18.04 ของเรา สมมติว่าที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ Ubuntu 18.04 สาธารณะของคุณคือ 222.222.222.222 คุณจะต้องเพิ่มรายการนี้ในคอมพิวเตอร์ของคุณ
หากคุณใช้งาน linux คุณจะต้องแก้ไขไฟล์/ etc / hostsโดยใช้คำสั่งด้านล่าง
$ sudo nano / etc / hosts
จากนั้นเพิ่มรายการด้านล่างและบันทึกไฟล์
1.	111.111 .111 .111 example.com
2.	111.111 .111 .111 test.com
หากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณใช้ Windows คุณต้องแก้ไขไฟล์c:  windows  system32  drivers  etc  hostsโดยใช้โปรแกรมแก้ไขข้อความเช่น notepad และผนวกสองรายการด้านบนดังที่แสดงด้านล่าง
 
อย่าลืมแทนที่ 111.111.111.111 ด้วยที่อยู่ IP สาธารณะที่แท้จริงของเซิร์ฟเวอร์ของคุณ

ขั้นตอนที่ 9: ทดสอบโฮสต์เสมือนของคุณในเบราว์เซอร์ของคุณ
ในที่สุดคุณต้องไปที่example.comและtest.comบนเบราว์เซอร์ของคุณและหากคุณทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้องคุณควรเห็นเนื้อหาที่เราสร้างขึ้นสำหรับโฮสต์เสมือนดังที่แสดงด้านล่าง
Test.com
Example.com

<<<123>>>

Framework

Library


เครื่องมือพัฒนาเว็บ



การออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์


Download SourceCode



copyAllright © 2016 soundmk.com